สรุปหลังสอบ Midterm
1.อธิบายขายความหมายคำศัพท์เกี่ยวกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
1.1
การส่งสัญญาณ Multicast คือ
การส่งข้อมูลไปยังจุดหนึ่งไปได้ทางหลาย ๆ จุด
เครื่องภายในครั้งเดียวเป้าหมายที่ส่งไปไม่ใช้เครื่องใดเครืองหนึ่ง ดังนั้น การส่งข้อมูลแบบ Multicast จะต้องส่งโดยใช้ Multicast Address
ที่เป็น IP Address ที่อยู่ในคลาส D นั้นเอง ( 244.0.0.0 – 239.555.555.555) เครื่องที่จะส่งหรือรับข้อมูลได้นั้นจะต้องอยู่ใน
Multicast Group เท่านั้น
1.2
Proxy Server คือ
ให้บริการเก็บข้อมูล เว็บไซต์ต่างๆ
ที่ได้มีการเรียกใช้ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์
เพื่อจัดเก็บข้อมูลที่เคยถูกเรียกนั้นไว้ ในเครื่อง เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ข้อมูลนั้นซ้ำ
ได้ทันที
โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเรียกข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูลภายนอกมาใหม่และเป็นการลดปริมาณการจราจรของข้้อมูลที่วิ่งบนระบบเครือข่ายที่ออกไปนอกเครือข่าย
1.3
สาย UTP ( Unshielded Twisted Pair ) คือ
สายแลนที่ต่อเข้ากับพอร์ต หรือ เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าใช้อินเตอร์เน็ตได้
ซึ่งใจสาย UTP ภายในจะมีสายเส้นเล็กอยู่ 8 เส้น ที่นำมาพันเกลียวกันเป็น 4 คู่ โดยเรียง
คู่ที่ 1 ขาว/ส้ม,ส้ม คู่ที่2 ขาว/เขียว,น้ำเงิน คู่ที่3 ขาว/น้ำเงิน,เขียว คู่ที่ 4 ขาว/น้ำตาล,น้ำตาล
1.4
มาตรฐาน 802.11 g คือ
มาตรฐานการทำงานของระบบเครือข่ายไร้สาย ทำงานบนย่านความถี่ 2.4 GHz เหมือนกับ
อุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11b แต่ว่าสามารถให้อัตราการส่งถ่ายข้อมูลได้สูงถึง
54 Mbps เหมือนกับ อุปกรณ์มาตรฐาน IEEE 802.11a
1.5
Firewall คือ
เป็นระบบรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์แบบหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
ซึ่งมีทั้งอุปกรณ์ Hardware และ Software โดยหน้าที่หลัก ๆ ของ Firewall นั้น จะทำหน้าที่ควบคุมการใช้งานระหว่าง Network ต่าง ๆ
1.6
Cloud computing คือ
การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ
สามารถเชื่อมโยงอินเตอร์เน็ต และ ใช้ได้สะดวกและง่ายได้
1.7
ISP ( Internet Service Provider ) คือ
ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต การให้บริการทางอินเทอร์เน็ต การดูแล Website การตรวจสอบข้อมูลที่จะผ่านออกไปลงในเว็บ อาทิ เช่น บริษัท ไอเน็ต (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ดิไอเดีย คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย จำกัด
1.8
Core Layer คือ
เป็นศูนย์กลางของระบบ network หน้าที่หลักของ Layer นี้คือทำสิ่งที่เรียกว่า Forward
Packet โดยตัวมันจะรับ Packet ที่อยู่ใน Layer
ต่างๆมาแล้วทำการ Forward ออกไป
โดยบนตัวมันจะบรรจุเส้นทางหรือ Routing Table เพื่อที่จะได้ทำการ
Forward Packet ไปยัง Network ต่างๆได้อย่างถูกต้อง
Core Layer นี้เหมาะสำหรับการออกแบบในระบบ network ที่มีขนาดใหญ่ เช่น มหาวิทยาลัย
1.9
Star Topology คือ
ระบบนี้มีตัวกลางในการเชื่อมต่อ และจัดการในการสื่อสารขอมูลตางๆ ของระบบ และจะมีเครื่องคอมพิวเตอรที่ใชงานรวมกันในระบบอยูรอบๆ
1.10
สถาปัตยกรรม แบบ P2P (peer to peer) คือ
เป็นระบบเครือข่ายขนาดเล็ก และเหมาะกับหน่วยงาน
ที่มีคอมพิวเตอร์น้อยกว่า 10 เครื่อง ระบบ Peer to
Peer นี้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง
สามารถเข้าไปใช้ไฟล์ที่่เก็บบนเครื่องไหนก็ได้ software ที่ใช้คือ
Windows การติดตั้งเพียงแต่เพิ่มอุปกรณ์ที่เรียกว่า LAN
Card ในแต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์ และีต่อสายแลนเข้าไปสู่
อุปกรณ์ที่เป็นตัวกลาง ซึ่งเรียกว่า HUB หากเปรียบเทียบแล้วเทคโนโลยีระบบเครือข่ายแบบ
Peer-to-Peer จะมีการทำงานในลักษณะที่เป็น Decentralization
ส่วนระบบ Client-Server มีการทำงานเป็นแบบ Centralization
นั่นเอง
2. หลักการในการออกแบบระบบเครือข่ายที่ต้องคำนึงถึงคุณสมบัิ
4 ประการ
2.1. Fault Tolerance
เป็นความสามารถของระบบที่จะทำงานต่อไปได้
ในสภาวะที่มีความเสียหายเกิดขึ้น เป้าหมายของระบบที่คงทนต่อความเสียหาย คือป้องกันการล้มเหลวของการทำงานของระบบเท่าที่สามารถทำได้
การคงทนต่อความเสียหาย
2.2. Scalability
สามารถรองรับและต่อขยายระบบ SCADA กับส่วนต่าง ๆ ได้
2.3. Quality of Service
เป็นตัวกำหนดชุดของคุณสมบัติของประสิทธิภาพของการติดต่อ หรือเรียกว่าเป็นการส่งข้อมูลในเครือข่ายโดยรับประกันว่าการส่งข้อมูลจะเป็นไปตามคุณภาพหรือเงื่อนไขที่ต้องการ
2.4. Security
"ยาม" ที่ช่วยปกป้องจากการทำอันตราย
จากสื่อต่างๆที่เรานำเข้ามาเองโดยที่ผู้ใช้ไม่ทันระวัง
3.อธิบาย OSI 7 Layer แต่ละชั้นเรียกว่าอะไรและมีหน้าที่อะไร
7. Application Layer
ระดับที่จัดการเกี่ยวกับ
Application เช่น การเข้าถึงฐานข้อมูลหรือการรับส่ง E-mail
6. Presentation Layer
ระดับที่ดูแลเกี่ยวกับการสื่อสารระหว่าง
Application ของคอมพิวเตอร์เครื่อวต่างๆ ในเครือข่าย
5. Session Layer
ระดับที่ใช้กำหนดวิธีการควบคุมการเชื่อต่อระหว่างผู้รับข้อมูลและผู้ส่งข้อมูล ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการสิ้นสุดการสื่อสาร
4.Transport Layer
ระดับที่ใช้ในการควบคุมความผิดพลาดการเชื่อมต่อระหว่างผู้รับข้อมูลและผู้ส่งข้อมูล
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการสิ้นสุดการสื่อสาร
3. Network Layer
ระดับข้อมูลที่มองเป็นแพ็คเก็จ
อาจจะใหญ่หรือเล็กก็ได้ และข้อมูลบางส่วนยังในแพ็คเก็จใช้เป็นตัวช่วยบอกเส้นทาง
2. Data Link Layer
ระดับที่ใช้รับส่งข้อมูลผ่านตัวกลาง
และจัดรูปบบข้อเฟรมเพื่อการเชื่อมต่อกับระดับที่ 3 อุปกรณ์ในขั้นนี้
คือ Swich, Bridge
1. Physical Layer
ระดับต่ำสุดจะมองในแม่ของไฟฟ้าที่ส่งข้อมูลระหว่างกัน
รวมทั้งเครื่องมือ เช่น UTP, Hub
4. ให้นักศึกษากล่าวถึงประโยชน์ของระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูล
1. จัดเก็บข้อมูลได้ง่ายและสื่อสารได้รวดเร็ว
2. สะดวกในการค้นหาข้อมูล ต่างๆ
3. สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ในระยะไกล
4. ประหยัดเวลา และ ค่าใช้จ่าย
5. สามารถรับข้อมูลข่าวสารใหม่ๆได้ตลอดเวลา
5.แสดงวิธีคิดคำนวณการแบ่ง Subnet
และการหาจำนาน Host ดังนี้
5.1 IP Address=118.0.0.0
-ต้องการแบ่งเป็น 126 subnet
-มีจำนวน Host ที่ใช้งานได้ 131,070
Address Class : A
Total Number of subnets : 128
Number of usable subnets :
126
Total number of host address :131,072
Number of usable address : 131,070
5.2 IP Address=178.100.0.0
-ต้องการแบ่งเป็น 2000 subnet
-มีจำนวน Host ที่ใช้งานได้ 15
Address Class : B
Total Number of subnets : 2,048
Number of usable subnets
: 2,046
Total number of host address : 32
Number of usable address : 30
5.3 IP Address=195.85.8.0
-ต้องการแบ่งเป็น 6 subnet
-มีจำนวน Host ที่ใช้งานได้ 30
Address Class :
C
Total Number of subnets : 32
Number of usable subnets : 30
Total number of host address : 8
Number of usable address : 6
5.4 IP Address=148.75.0.0
-ต้องการแบ่งเป็น 1,000 subnet
-มีจำนวน Host ที่ใช้งานได้ 60
Address Class : B
Total Number of subnets : 1,024
Number of usable subnets : 1,022
Total number of host address : 64
Number of usable address : 62
5.5 IP Address=192.10.10.0
-ต้องการแบ่งเป็น 126 subnet
-มีจำนวน Host ที่ใช้งานได้ 14
Address Class : C
Total Number of subnets :
16
Number of usable subnets
: 14
Total number of host address : 16
Number of usable address : 144